วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2551

ข่าวน่ารู้


กฏหมายห้ามขี้ยา สูบบุหรี่ในรถยนต์

หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศฉบับที่ 18 กำหนดให้ผับ บาร์ ร้านอาหาร ตลาดทุกประเภท รวมทั้งสวนจตุจักรเป็นเขตปลอดบุหรี่ มีผลบังคับใช้ 11 กุมภาพันธ์ นี้ ถ้าฝ่าฝืนทั้งคนสูบและเจ้าของสถานที่มีโทษปรับ 2,000-20,000 บาท แล้วนั้น เมื่อวันที่ 27 ม.ค. นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยว่า สำนักงานสาธารณสุข รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ได้ออกกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในรถยนต์และยานพาหนะ ที่มีเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี อยู่ภายในรถด้วย ผู้ใดฝ่าฝืนสูบบุหรี่ ไปป์ ซิการ์ เป็นการกระทำผิดกฎหมาย มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 โดยให้เหตุผลถึงการออกกฎหมายฉบับนี้ว่า เด็กๆไม่ได้รับความคุ้มครองสุขภาพในขณะที่ผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่สูบบุหรี่ในรถ ซึ่งเด็กจะได้รับอันตรายจากควันบุหรี่มือสอง เพราะหากมีคนสูบบุหรี่ในรถจะมีระดับมลพิษที่เป็นอันตรายสูงเป็น 10 เท่าของระดับมาตรฐาน ที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมสหรัฐอเมริกากำหนดไว้ นอกจากนี้ การห้ามสูบบุหรี่ในรถยนต์ยังช่วยลดปริมาณของก้นบุหรี่ที่ถูกทิ้งตามถนนหนทาง เป็นแหล่งเกิดขยะที่อาจก่อให้เกิดปัญหาอัคคีภัยตามมา และยังเป็นการช่วยให้ผู้ปกครองหรือญาติของเด็กๆ เลิกสูบบุหรี่ได้ง่ายขึ้นด้วย
นพ.ประกิตกล่าวอีกว่า น่าเป็นห่วงเด็กไทยที่ประเทศ ไทยยังไม่มีกฎหมายแบบนี้ ทั้งๆที่มีข้อมูลยืนยันชัดเจนว่าเด็กๆส่วนใหญ่ยังคงได้รับอันตรายจากการได้รับควันบุหรี่อย่างต่อเนื่อง จากรายงานของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ ที่ทำการสำรวจนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2-4 ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 1,067 คน พบว่า พ่อสูบบุหรี่ในรถยนต์ร้อยละ 37.1 ขณะที่ลูกนั่งอยู่ด้วย พ่อสูบบุหรี่ขณะนั่งดูทีวีอยู่กับลูกร้อยละ 25.3 แสดงให้เห็นว่า มีเด็กอีกเป็นจำนวนมากยังคงได้รับอันตรายจากควันบุหรี่มือสอง ที่ส่งผลถึงปัญหาสุขภาพของเด็กมากมาย เช่น โรคติดเชื้อทางระบบหายใจ เนื่องจากควันบุหรี่ไปทำให้ เกิดการระคายเคืองและอักเสบ ทำให้เด็กเป็นไข้ ไอ และหอบ, โรคหอบหืด เพราะสารพิษจากควันบุหรี่ไปทำลายปอดของเด็ก, โรคหูชั้นกลางอักเสบ เพราะควันบุหรี่ไปทำอันตรายทำให้เกิดน้ำในหูชั้นกลาง ซึ่งจะทำให้เด็กมีปัญหาในการได้ยิน เป็นต้น ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดคือ หากผู้ปกครองเป็นห่วงบุตรหลาน ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ในรถยนต์และในทุกๆที่ที่มีเด็กอยู่ด้วย

ความจริงเกี่ยวกับความรัก

คนดีๆ… ล้วนมีเจ้าของไปหมดแล้ว คนที่ยังเหลืออยู่ … มันก็ต้องมีเหตุผลหละนะ อะไรที่คุณเอะใจว่า มันจะดีเกินจริง… เป็นไปได้มากว่า มันไม่จริง
ความรัก ก็เหมือนการรอรถเมล์….สายที่ไม่อยากขึ้น ก็มาจัง ส่วนสายที่ต้องการจะขึ้น ก็รอไปเถอะ, พอมา ก็ไม่จอด, พอจอด ก็คนแน่น ขึ้นไม่ได้, พอขึ้นได้ รถก็ไปตายกลางทางอีก
ความรักก็เหมือนกับเหรียญ แหวน หรือชิ้นส่วนเล็กๆ เพราะเมื่อไหร่ที่มันหลุดมือตกลงพื้น มันจะต้องกลิ้งไปยังซอกที่มืดที่สุด และลึกที่สุด จนเรามองไม่เห็น และเอื้อมไม่ถึง
รถไฟอาจจะวิ่งบนราง แต่อย่าด่วนสรุปว่า มันวิ่งไปทางไหน โดยดูจากราง เพราะเมื่อเหลียวกลับมามองอีกที รถไฟขบวนนั้นอาจจะวิ่งผ่านคุณไปแล้วก็ได้ สวย หรือหล่อ ไม่ได้อยู่ที่คำจำกัดความ แต่อยู่ที่จินตนาการ
ความรักสวนทางกับกฎฟิสิกส์ นั่นคือ เมื่อเราให้ความรักกับใครมากเท่าไหร่ เราก็จะได้รับตอบแทนกลับมาเป็นส่วนผกผันกลับ
เมื่อไหร่ที่ฝ่ายหนึ่งบอกว่า "เป็นเพื่อนกัน" แปลว่า "ต้องการจะเลิกคบกัน"
เมื่อไหร่ที่ฝ่ายหนึ่งบอกว่า "มีอะไรต้องคุยกัน" แปลว่า "ไม่ต้องการคุยกันอีกแล้ว"
ความรักทำให้คนตาบอด

เพลง ดอกแก้วกัลยา


เนื้อเพลง : ดอกแก้วกัลยาศิลปิน : ผู้พิการทางสายตา
แก้วกัลยา ทรงคุณค่าเหนือจิตใจ

คือดอกไม้แห่งความรัก และการแบ่งปัน

องค์พระพี่นาง พระราชทานเป็นมิ่งขวัญ

ให้ผองผู้พิการ ไทยทั้งปวง
* ดอกไม้ฟ้า แห่งกรุณา ประทานลงมาแสนชื่นใจ

ดั่งดอกไม้จากเทวาลัยจากแดนสรวง

ดอกไม้ฟ้า แก้วกัลยา แทนใจทั้งดวง

แทนความรัก ความเป็นห่วง ความชื่นชม
ขาดแขนขา หรือดวงตามองไม่เห็น

ใช่จะลำเค็ญ ใช่จะทุกข์หรือตรอมตรม

ยังมีหัวใจ สู้ต่อไปอย่างสุขสม

คือชีวิตที่ชื่นชมโลกงดงาม
( ซ้ำ * , * )

ตามรอยสมเด็จเจ้าฟ้าเผยแผ่พระไตรปิฎก

ตามรอยสมเด็จเจ้าฟ้าเผยแผ่พระไตรปิฎก


บทความ เกี่ยวกับ สมเด็จพระพี่นางฯ สมเด็จพระพี่นางเธอฯ ในพระกรณียกิจสำคัญด้านพุทธศาสนา ซึ่ง สมเด็จพระพี่นางฯ สมเด็จพระพี่นางเธอฯ ทรงเป็นประธานกิตติมศักดิ์การประดิษฐาน พระไตรปิฏก ฉบับสากล อักษรโรมัน ฉบับแรกของโลก แก่นานาประเทศ

พระกรณียกิจสำคัญด้านพุทธศาสนาของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ คือ ทรงเป็นประธานกิตติมศักดิ์การประดิษฐานพระไตรปิฎกฉบับสากล อักษรโรมัน ฉบับแรกของโลก แก่นานาประเทศ ตามรอยพระไตรปิฎกบาฬี อักษรสยาม สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระบรมอัยกาธิราชของพระองค์ เมื่อ 114 ปีก่อน สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มีพระกรณียกิจสำคัญด้านการส่งเสริมพระพุทธศาสนาด้วยการเผยแผ่พระไตรปิฎกสากลสู่โลก โดย "มูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชนในพระบรมราชินูปถัมภ์" ซึ่งสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงเป็นประธานก่อตั้งและประธานกิตติมศักดิ์ และ "กองทุนสนทนาธัมม์นำสุขฯ ในพระสังฆราชูปถัมภ์ฯ" ซึ่งพระองค์ท่านทรงเป็นประธานกิตติมศักดิ์ การพระราชทานและประดิษฐานพระไตรปิฎกในนานาประเทศ ร่วมกันจัดพิมพ์พระไตรปิฎกเพื่อเผยแผ่พระไตรปิฎกฉบับสากล ภาษาโรมัน ชุดสมบูรณ์ 40 เล่ม ชุดแรกของโลกขึ้น ต่อมาเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2548 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จจาริกสู่ศรีลังกาตามคำกราบทูลเชิญของประธานาธิบดีแห่งศรีลังกา เพื่อพระราชทานพระไตรปิฎกสากลชุดปฐมฤกษ์ของโลก อันเป็นการเผยแผ่พระธัมมทานตามรอยพระไตรปิฎก ฉบับ "จุลจอมเกล้าบรมธัมมิกมหาราช ร.ศ.112" อักษรสยามซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานแก่สถาบันสำคัญต่างๆ กว่า 260 แห่งทั่วโลกใน 30 ประเทศ เมื่อศตวรรษที่แล้ว "...ข้าพเจ้าตระหนักดีว่า เป็นเกียรติพิเศษยิ่งใหญ่ที่ในบรรดาประมุขผู้นำประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา ข้าพเจ้าได้รับเลือกให้เป็นผู้รับมอบพระไตรปิฎกชุดแรกนี้ และข้าพเจ้ารู้สึกปลื้มปีติที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้เสด็จจาริกสู่ประเทศศรีลังกา เพื่อพระราชทานพระไตรปิฎก ข้าพเจ้าขอถือโอกาสนี้ถวายพระพรชัยมงคลให้ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน..." สาส์นจาก จันทริกา บันดาราไนยเก กุมาราตุงคะ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา กราบทูลเชิญเสด็จเพื่อพระราชทานพระไตรปิฎกสากล พระไตรปิฎกสากลอักษรโรมัน 1 ชุด มี 40 เล่ม พระราชทานแก่สถาบันสำคัญทั่วโลกรวม 1,000 ชุด ถือเป็นพระไตรปิฎกบาฬี อักษรโรมัน ชุดที่สมบูรณ์ชุดแรกของโลก เป็นคลังอารยธรรมทางปัญญาสูงสุดของมนุษยชาติที่สืบทอดมากว่า 2,500 ปี อันเป็นผลมาจากการประชุมสังคายนาสากลของพระสงฆ์ 2,500 รูป ระดับนานาชาติ เมื่อ พ.ศ. 2500 และมีการตรวจทานใหม่-จัดพิมพ์เป็นอักษรโรมันในพระสังฆราชูปถัมภ์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ผู้เสด็จไปทรงร่วมสังคายนาพระไตรปิฎกฉบับนี้ โดยใช้เวลาถึง 6 ปี ในการจัดพิมพ์ เพื่อเป็นธัมมทานอันเป็นการสืบสานบวรพุทธศาสนา ตามพระราชศรัทธาในสมเด็จพระปิยมหาราช "พระไตรปิฎก" เป็นคัมภีร์รวบรวมพระพุทธวจนะอันเป็นคำสอนแสดงธัมมะเพื่อดับทุกข์ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงเป็นพระบรมศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย จำแนกออกเป็น พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และพระอภิธัมมปิฎก มีพระธัมมขันธ์ 84,000 พระธัมมขันธ์ พระพุทธองค์ตรัสไว้ในกาลสมัยใกล้เสด็จดับขันธปรินิพพานว่า "ดูกรอานนท์ ธัมมะ และวินัยใดที่เราได้แสดงแล้วบัญญัติแล้วแก่เธอทั้งหลาย ธัมมะและวินัยนั้นจักเป็นศาสดาของเธอทั้งหลายเมื่อเราล่วงลับไป" สาระสำคัญของพระไตรปิฎกบาฬีฉบับสังคายนาสากลนานาชาติ พ.ศ. 2500 พิมพ์เป็นอักษรโรมันแล้วเสร็จครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2548 ซึ่งใน 1 ชุด มี 40 เล่ม โดยสันปกแบ่งสีของเนื้อหาพระไตรปิฎก ดังนี้ พระวินัยปิฎก สันปกสีส้ม, พระสุตตันตปิฎก สันสีเขียว พระสุตตันปิฎก เนตติเปฏโกปเทสปาฬิ และมิลินทปัญหาปาฬิ สันปกสีขาว และพระอภิธัมมปิฎก สันปกสีน้ำเงิน "พระวินัยปิฎก" เป็นการประมวลพุทธพจน์หมวดพระวินัย คือ พุทธบัญญัติเกี่ยวกับความประพฤติ ความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียม และการดำเนินกิจการต่างๆ ของภิกษุสงฆ์และภิกษุณีสงฆ์ แบ่งเป็น 5 คัมภีร์ ส่วน "พระสุตตันตปิฎก" เป็นการประมวลพุทธพจน์หมวดพระสูตร คือ พระธัมมเทศนา คำบรรยายหรืออธิบายธัมม์ต่างๆ ที่ตรัสยักเยื้องให้เหมาะกับบุคคลและโอกาส ตลอดจนบทประพันธ์ เรื่องเล่าและเรื่องราวทั้งหลายที่เป็นชั้นเดิมในพระพุทธศาสนา แบ่งเป็น 5 นิกาย "พระสุตตันปิฎก เนตติ-เปฏโกปเทสปาฬิ" เป็นคัมภีร์ที่รองรับและรักษาความเข้าใจในพยัญชนะ อรรถ ของพระไตรปิฎกบาฬีไว้ให้ถูกต้อง ส่วน "มิลินทปัญหาปาฬิ" เป็นคัมภีร์มิลินทปัญหาเป็นการถาม-ตอบปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหาสาระในพระไตรปิฎก ระหว่างพระเจ้ามิลินท์กับพระอรหันต์นาคเสนเถระ และ "พระอภิธัมมปิฎก" เป็นประมวลพุทธพจน์หมวดอภิธัมม์ คือ หลักธัมม์และคำอธิบายที่เป็นเนื้อหาวิชาการล้วนๆ ไม่เกี่ยวด้วยบุคคลหรือเหตุการณ์ แบ่งเป็น 7 คัมภีร์ อย่างไรก็ตามตลอด 3 ปีที่ผ่านมา สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงบำเพ็ญบุญกิริยาตามรอยพระไตรปิฎกบาฬี อักษรสยาม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมอัยกาธิราช โปรดเกล้าฯ ให้จัดพิมพ์และพระราชทานไปยังสถาบันสำคัญทั่วโลกเช่นเดียวกัน "...ขอหวังว่า พระไตรปิฎกศึกษานานาชาติในสถาบันสำคัญทั่วโลกนี้ จักให้ความรู้และความเข้าใจใหม่แก่โลกปัจจุบัน ช่วยเสริมสร้างความรู้ในวิทยาการทั้งหลาย ให้ลึกซึ้งสู่หลักธัมมะในพระไตรปิฎก และบูรณาการเป็นฐานปัญญาเพื่อสันติสุขและมั่นคงในโลกต่อไป..." ส่วนหนึ่งของพระดำรัสสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จากหนังสือพระไตรปิฎกสากล : อารยธรรมทางปัญญา นำสันติสุขและความมั่นคงสู่โลก ซึ่งจัดพิมพ์เผยแพร่เป็นครั้งแรก ในพิธีสมโภชและพระราชทานพระไตรปิฎกสากลแก่ประธานศาลฎีกา สำหรับประดิษฐาน ณ ศาลฎีกาแห่งราชอาณาจักรไทย เมื่อวันอังคารที่ 11 ธันวาคม 2550 ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เสด็จจาริกพระราชทานพระไตรปิฎกสากล ในปี พ.ศ. 2548 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จจาริกพระราชทานพระไตรปิฎกสากลฉบับปฐมฤกษ์ ณ กรุงโคลัมโบ สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา โดยพระราชทานพระไตรปิฎกแก่ประธานาธิบดีแห่งประเทศศรีลังกา เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2548 จากนั้นได้พระราชทานพระไตรปิฎกสากล แก่คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2548 และพระราชทานพระไตรปิฎกสากลเพื่อประดิษฐานคู่กับพระไตรปิฎกฉบับอักษรสยาม ณ หอสมุดคาโรลีน่า เรดิวีว่า มหาวิทยาลัยอุปซาลา ราชอาณาจักรสวีเดน เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2548 ต่อมาปี พ.ศ. 2549 ได้พระราชทานพระไตรปิฎกสากล แก่ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ณ รัฐสภาแห่งศรีลังกา กรุงโคลัมโบ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2549 จากนั้นปี พ.ศ. 2550 พระราชทานพระไตรปิฎกสากล แก่กระทรวงการต่างประเทศ กรุงเทพมหานคร วันที่ 6 มีนาคม 2550 พระราชทานพระไตรปิฎกสากล ณ นครโอซากาและกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 8 เมษายน และ 15 กันยายน 2550 พระราชทานพระไตรปิฎกสากล แก่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เนเธอร์แลนด์ และสมาคมมหาโพธิแห่งอินเดีย พุทธคยา สาธารณรัฐอินเดีย "ดังที่เราได้ทราบว่าพระไตรปิฎกสากลเป็นของพระราชทาน เพื่อปัญญาและสันติสุขจากประชาชนชาวไทย ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ในฐานะที่เป็นองค์กรหลักด้านตุลาการขององค์การสหประชาชาติ ได้อุทิศการทำงานเพื่อเหตุแห่งสันติภาพ ความคิดในการก่อตั้งศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้กำเนิดขึ้นเมื่อ 100 ปีมาแล้ว จากการประชุมสันติภาพแห่งกรุงเฮก ความปรารถนาของนานาชาติคือความต้องการนำข้อขัดแย้งให้ยุติอย่างสันติแทนการก่อสงครามระหว่างกัน ภายใต้กฎบัตรแห่งสหประชาชาติศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมีอำนาจในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงโดยการยุติข้อขัดแย้งทางกฎหมายตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ เราได้ยึดมั่นที่จะป้องกันในความเคารพในกฎหมายระหว่างประเทศ และส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างชาติในทางสันติสุข เราจึงมีความยินดีที่ได้รับพระราชทานสิ่งนี้แก่เราตามปณิธานดังกล่าว" คำกล่าวโดย ตุลาการรอสลิน ฮิกกิ้นส์ ประธานศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2550


วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2551

กลอนรัก


ความรัก กับความจริง มักสวนทาง

ทุกก้าวย่าง ทางเดิน หาคู่ฝัน

มักจะมี หลายสิ่ง ที่ต่างกัน

ทำให้เธอ กับฉัน ต้องอับจน






เจ็บไม่เจ็บ ก็ไม่ต่าง ไปจากเดิม


ที่เพิ่มเติม คือความเหงา เข้ามาหา


ใจมันเจ็บ แต่อดทน จนชินชา


ลืมแล้วว่า เสียน้ำตา ไปเท่าไร








มีความสุข มากนักเหรอ ที่เธอทำ


หรือคิดว่า แค่ขำขำ เลยทำได้


เธอน่ะ ทำเป็นเล่น ไม่เห็นใจ


รู้ไหมว่า ฉันคิดไง ที่จริงจัง








นี่แหละคือ ความเสียใจ ที่ได้เจอ


หากวันนี้ ไม่มีเธอ เหมือนวันนั้น


ถึงได้รู้ ความเสียใจ เป็นไงกัน


มันมากเกิน เกินกว่าฉัน เคยพบมา










หมอฟันธง เอาไว้ว่า ถ้าใครอ่าน


จะพบพาน คู่แท้ แน่จริงจ้า


แถมฟันธง เอาไว้ ใครส่งมา


ตามชะตา คือคู่แท้ แน่จริงจริง




วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2551

วันสำคัญของชาวพุทธ







วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา




วันมาฆบูชาต ร ง กั บ วั น ขึ้ น ๑ ๕ ค่ำ เ ดื อ น ๓"มาฆะ" เป็นชื่อของเดือน ๓ มาฆบูชานั้น ย่อมาจากคำว่า"มาฆบุรณมี" แปลว่าการบูชาพระในวันเพ็ญ เดือน ๓ วันมาฆบูชาจึงตรงกับวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๓ แต่ถ้าปีใดมีเดือน อธิกมาส คือมีเดือน ๘ สองครั้ง วันมาฆบูชาก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ เป็นวันสำคัญวันหนึ่ง ในวันพุทธศาสนา คือวันที่มีการประชุมสังฆสันนิบาตครั้งใหญ่ในพุทธศาสนา ที่เรียกว่า "จาตุรงคสันนิบาต" และเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงโอวาทปฎิโมกข์ แก่พระสงฆ์สาวกเป็นครั้งแรก ณ เวฬุวันวิหารกรุงราชคฤห์เพื่อให้พระสงฆ์นำไปประพฤติปฏิบัติ เพื่อจะยังพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปคำว่า "จาตุรงคสันนิบาต" แยกศัพท์ได้ดังนี้ คือ "จาตุร" แปลว่า ๔ "องค์" แปลว่า ส่วน "สันนิบาต" แปลว่า ประชุม ฉะนั้นจาตุรงคสันนิบาตจึงหมายความว่า "การประชุมด้วยองค์ ๔" กล่าวคือมีเหตุการณ์พิเศษที่เกิดขึ้นพร้อมกันในวันนี้ คือ๑. เป็นวันที่ พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า จำนวน ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมพร้อมกันที่เวฬุวันวิหารในกรุงราชคฤห์ โดยมิได้นัดหมาย๒. พระภิกษุสงฆ์เหล่านี้ล้วนเป็น "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" คือเป็นผู้ที่ได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น๓. พระภิกษุสงฆ์ทุกองค์ที่ได้มาประชุมในครั้งนี้ ล้วนแต่เป็นผุ้ได้บรรลุพระอรหันต์แล้วทุก ๆองค์๔. เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงกำลังเสวยมาฆฤกษการปฎิบัติตนสำหรับพุทธศาสนาในวันนี้ก็คือ การทำบุญ ตักบาตรในตอนเช้า หรือไม่ก็จัดหาอาหารคาวหวานไปทำบุญฟังเทศน์ที่วัด ตอนบ่ายฟังพระแสดงพระธรรมเทศนา ในตอนกลางคืน จะพากันนำดอกไม้ ธูปเทียน ไปที่วัดเพื่อชุมนุมกันทำพิธีเวียนเทียน รอบพระอุโบสถ พร้อมกับพระภิกษุสงฆ์โดยเจ้าอาวาสจะนำว่า นะโม ๓ จบ จากนั้นกล่าวคำ ถวาย ดอกไม้ธูปเทียน ทุกคนว่าตาม จบแล้วเดิน เวียนขวา ตลอดเวลาให้ระลึกถึง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ จนครบ ๓ รอบ แล้วนำดอกไม้ ธูปเทียนไปปักบูชาตามที่ทางวัด เตรียมไว้ เป็นอันเสร็จพิธีกิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันมาฆบูชา๑. ทำบุญใส่บาตร๒. ไปวัดเพื่อปฏิบัติธรรม และฟังพระธรรมเทศนา๓. ไปเวียนเทียนที่วัด๔. ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการ





วันวิสาฆบูชา
วันวิสาขบูชา หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ คือวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ (ถ้าเป็นปีที่มีอธิกมาส ก็เลื่อนออกไปเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗) ในวันนี้ได้มีเหตุการณ์ที่สำคัญเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ๓ ประการ คือ๑. เป็นวันประสูติ๒. เป็นวันตรัสรู้๓. เป็นวันปรินิพพานด้วยเหตุตามที่กล่าวมา วันวิสาขบูชาจึงถือว่าเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเมื่อถึงวันเช่นนี้ พุทธศาสนิกชนถ้วนหน้าทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิตผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส จึงพร้อมใจกันน้อมรำลึกถึงพระพุทธเจ้า ประกอบพิธีบูชาด้วยอามิสบูชาและปฏิบัติบูชาด้วยความเคารพเป็นอย่างยิ่งการบูชาอันเนื่องด้วยวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาดังกล่าวมาก็ควรที่จะกล่าวประวัติไว้เพื่อเป้นการเจริญศรัทธา ความเชื่อและปสาทะความเลื่อมใสต่อไปประสูติพระพุทธเจ้า ผู้เป็นพระศาสดาเอกของโลก เมื่อครั้งที่พระองค์ยังเป็นพระโพธิสัตว์ได้ทรงกระทำบุญญาธิการไว้ในสำนักของพระพุทธเจ้า ๒๔ พระองค์ มีพระพุทธเจ้าทรงพระนาม ทีปังกรเป็นต้นมาถึง ๔ อสงไขย ยิ่งด้วยแสนกัลป์ จนได้รับพยากรณ์จากสำนักของพระพุทธเจ้าทั้ง ๒๔ พระองค์นั้นว่า "จะได้เป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าโคดม ในอนาคต" พระองค์ได้บำเพ็ญพุทธการกธรรมมีทานบารมีเป็นเป็นต้น และได้รวบรวมธรรม ๘ ประการ คือ๑. มนุสฺสตฺตํ เป็นมนุษย์๒. ลิงคสมฺปตฺติ เป็นเพศชาย๓. เหตุ มีอุปนิสัยสมบัติที่จะบรรลุมรรคผลได้๔. สตฺถารทสฺสนํ พบพระพุทธเจ้าขณะที่ยังทรงพระชนม์อยู่๕. ปพฺพชฺชา บวชเป็นดาบสหรือพระภิกษุอยู่๖. คุณสมฺปตฺติ ได้สมาบัติ ๘ และ อภิญญา ๕๗. อธิกาโร อาจสละชีวิตแก่พระพุทธเจ้าได้๘.ฉนฺทตา มีฉันทะ อุตสาหะ บำเพ็ญพุทธกากรธรรมธรรมทั้ง ๘ ประการนี้เรียกว่า "อภินิหาร"พระพุทธองค์ได้ทรงกระทำอภินิหารแทบเบื้องยุคลบาทของพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า ทีปังกร ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ ได้บำเพ็ญบารมีและพิจารณาถึงพุทธการกธรรมมาโดยลำดับตราบจนถึงอัตภาพเป็นพระเวสสันดรอันเป็นพระชาติสุดท้ายที่พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญทานบารมีพระพุทธเจ้า ผู้เป็นเอกอัครมหาบุรุษของโลก พระองค์ทรงบำเพ็ญบารมีมาด้วยมุ่งหวังที่จะช่วยเหลือหมู่เวไนยสัตว์ทั่งข้องอยู่ในวัฏฏะให้ข้ามพ้นจากวัฏฏะ ดังนั้นพระองค์เมื่อจะเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ก็ย่อมเสด็จอุบัติขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือชาวโลกให้พ้นจากทุกข์ดังที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เอก เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่ออัตถประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย บุคคลผู้เป็นเอกเป็นไฉน ? คือ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เอกนี้แล เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่ออัตถประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย"อีกประการหนึ่ง ความปรารถนาของพระพุทธเจ้าจะปรากฏง่าย ๆ เหมือนสามัญชนก็หาไม่ แท้ที่จริงแล้วความปรากฏของพระพุทธเจ้าเป็นการยาก ดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความปรากฏของบุคคลผู้เอกหาได้ยากในโลก, บุคคลผู้เอกเป็นไฉน? คือพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความปรากฏของบุคคลผู้เอกนี้แล หาได้ยากในโลก"พระพุทธเจ้า ผู้เป็นเอกอัครมหาบุรุษของโลก เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเป็นอัจฉริยมนุษย์ที่พิเศษกว่ามวลมนุษย์ทั้งหลาย เกิดขึ้นในโลก ดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เอกเมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้นเป็นอัจฉริยมนุษย์, บุคคลผู้เอกเป็นไฉน? คือพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เอกนี้แล เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้นเป็นอัจฉริยมนุษย์"พระพุทธเจ้าผู้เป็นเอกอัครมหาบุรุษของโลก จะมีใคร ๆ ในโลกที่จะเปรียบเทียบเสมอกับพระองค์ย่อมไม่มี ดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เอกเมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้นเป็นผู้ไม่เป็นที่ ๒ ไม่มีใครเช่นกับพระองค์ ไม่มีใครเปรียบ ไม่มีใครเปรียบเสมอ ไม่มีส่วนเปรียบ ไม่มีบุคคลผู้เปรียบ ไม่มีใครเสมอ เสมอด้วยพระพุทธเจ้าผู้ไม่มีใครเสมอ เป็นผู้เลิศกว่าสัตว์ทั้งหลาย, บุคคลผู้เอกเป็นไฉน ? คือพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เอกนี้แล เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้นเป็นผู้ไม่เป็นที่ ๒ ไม่มีใครเช่นกับพระองค์ ไม่มีใครเปรียบ ไม่มีใครเปรียบเสมอ ไม่มีส่วนเปรียบ ไม่มีบุคคลผู้เปรียบ ไม่มีใครเสมอ เสมอด้วยพระพุทธเจ้าผู้ไม่มีใครเสมอ เป็นผู้เลิศกว่าสัตว์ทั้งหลาย"ความปรากฏของพระพุทธเจ้า ผู้เป็นเอกอัครมหาบุรุษของโลก ย่อมจะให้สำเร็จสิ่งที่ประสงค์ทุกประการ ดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความปรากฏขึ้นแห่งบุคคลผู้เอก เป็นความปรากฏขึ้นแห่งจักษุใหญ่ แห่งแสงสว่างใหญ่ แห่งโอกาสใหญ่ แห่งอนุตตริยะ ๖ เป็นการกระทำให้แจ้งซึ่งผล คือ วิชชาและวิมุตติ เป็นการกระทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล อรหัตตผล, บุคคลผู้เอกเป็นไฉน ? คือ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความปรากฏขึ้นแห่งบุคคลผู้เอกนี้แล เป็นความปรากฏขึ้นแห่งจักษุใหญ่ แห่งแสงสว่างใหญ่ แห่งอนุตตริยะ ๖ เป็นการกระทำให้แจ้งซึ่งปฏิสัมภิทา ๔ เป็นการแทงตลอดธาตุเป็นอันมาก เป็นการแทงตลอดธาตุต่าง ๆ เป็นการกระทำให้แจ้งซึ่งผลคือวิชชาและวิมุตติ เป็นการกระทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล อรหัตตผล"พระพุทธพจน์ดังกล่าวมานี้ เมื่อพิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่า วันประสูติของพระพุทธเจ้านับว่าเป็นวันที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นวันเกิดของบุคคลผู้เป็นเอกอัครมหาบุรุษ เป็นอัจฉริยมนุษย์ เป็นผู้สูงสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย จะหาบุคคลที่เสมอเหมือนไม่มีในโลก ดังที่พระองค์ทรงเปล่งกล่าวอาสภิวาจาว่า"อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส เราเป็นผู้เลิศแห่งโลก, เชฏฺโฐหมสฺมิ โลกสฺส เราเป็นผู้เจริญที่สุดแห่งโลก, เสฏฺโฐหสฺมิ โลกสฺส เราเป็นผู้ประเสริฐที่สุดแห่งโลก"การประสูติของพระพุทธเจ้าที่สวนลุมพินี ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์และกรุงเทวทหะต่อกัน ในวันเพ็ญ เดือน ๖ เป็นวันที่ชาวโลกได้บุคคลที่สำคัญที่สุดของโลก เพราะเหตุนั้น วันประสูติของพระพุทธเจ้าจึงนับว่าเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาตรัสรู้พระพุทธเจ้าของเราทั้งหลายได้ทรงตรัสรู้สัจจธรรม ๔ ประการ หรือที่เรียกว่า "อริยสัจ ๔ ประการ" ซึ่งเป็นของจริงอย่างประเสริฐที่สุด ที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองที่โคนต้นโพธิ์อัสสัตถพฤกษ์ ณ ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แขวงเมืองพาราณสี โดยไม่มีใครเป็นครูอาจารย์สั่งสอนมาก่อนเลย ดังที่พระองค์ตรัสว่า"เราเป็นผู้ครอบงำธรรมทั้งปวง อันตัณหาและทิฏฐิไม่ฉาบทาแล้วในธรรมทั้งปวง ละธรรมที่เป็นไปในภพ ๓ ทั้งหมด พ้นแล้วเพราะความสิ้นไปแห่งตัณหา เราตรัสรู้ยิ่งเองแล้ว จะพึงอ้างใครเล่า อาจารย์ของเราไม่มี คนเช่นเราไม่มี บุคคลที่เสอมเหมือนเราก็ไม่มีในโลกกับทั้งเทวโลก เพราะเราเป็นพระอรหันต์ในโลก เราเป็นศาสดาซึ่งไม่มีศาสดาอื่นยิ่งกว่า เราผู้เดียวเป็นพระสัมมาสัมพุทธะ เราเป็นผู้เย็นใจ ดับกิเลสได้แล้ว"ชาวโลกจึงพากันขนานพระนามแด่พระองค์ว่า "พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า" ดังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะเราตถาคตตรัสรู้อริยสัจ ๔ ประการ เหล่านี้ตามความเป็นจริง ชาวโลกจึงเรียกตถาคตว่า เป็นองค์พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เราตถาคตได้สำเร็จเป็นพระอริยเจ้าในโลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่ประชาสัตว์ สมณ พราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์, เพราะเหตุนั้น สัจจะ ๔ ประการนี้จึงเรียกว่า อริยสัจ"จริงอยู่ อริยสัจ ๔ ประการที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วนั้น เป็นสิ่งที่จริงแท้แน่นอน ไม่มีผิดพลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ไม่สามารจะคัดค้านหรือปฏิเสธได้ ดังที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัจจะ ๔ ประการนี้ เป็นของจริงแท้ แน่นอน ไม่แปรเป็นอื่น, สัจจะ ๔ ประการนี้ได้แก่อะไร ? ได้แก่ ทุกข์ เป็นของจริงแท้ แน่นอน ไม่แปรเป็นอื่น, สมุทัย เป็นของจริงแท้ แน่นอน ไม่แปรเป็นอื่น, นิโรธ เป็นของจริงแท้ แน่นอน ไม่แปรเป็นอื่น, มรรค เป็นของจริงแท้ แน่นอน ไม่แปรเป็นอื่น"และธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นั้นเป็นธรรมที่มีความสุขุมละเอียดลึกซึ้งยิ่งนัก มิใช่ธรรมที่ผู้มีกิเลสหนาปัญญาหยาบจะตามรู้ได้โดยง่าย ดังที่พระพุทธองค์ทรงมีพระปริวิตกเมื่อคราวที่ตรัสรู้ใหม่ ๆ ว่า"ธรรมที่เราบรรลุแล้วนี้แล เป็นธรรมอันลึกซึ้ง พิจารณาเห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก เป็นธรรมที่สงบระงับ ประณีต ตรึกตรองเอาเองไม่ได้ เป็นธรรมอันละเอียด รู้ได้เฉพาะผู้ที่เป็นบัณฑิต"การตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่โคนต้นโพธิ์อัสสัตถพฤกษ์ ณ ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แขวงเมืองพาราณสี ในวันเพ็ญเดือน ๖ นั้น เป็นวันที่ชาวโลกได้บุคคลที่สำคัญที่สุดของโลก เพราะเหตุนั้นวันตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าจึงนับว่าเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาปรินิพพานการเสด็จดับขันธปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ผู้เป็นเอกอัครมหาบุรุษที่สำคัญที่สุดของโลก ก็เป็นความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เป็นการดับสลายไปแห่งดวงตาของโลกชั่วนิจนิรันดร์ เป็นเหตุให้หมู่ประชาต้องโศกเศร้าอาลัยถึงด้วยความเสียดายในพระพุทธองค์ผู้เป็นดวงตาอันยิ่งใหญ่ของชาวโลก ดังที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การปรินิพพานของบุคคลผู้เป็นเอกอัครมหาบุรุษ เป็นเหตุเดือดร้อนใจ อาลัยอาวรณ์ของชนเป็นอันมาก, บุคคลผู้เป็นเอกอัครมหาบุรุษเป็นไฉน ? คือ พระตถาคตเจ้าผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การปรินิพพานของบุคคลผู้เป็นเอกอัครมหาบุรุษ เป็นเหตุเดือดร้อนใจ อาลัยอาวรณ์ของชนเป็นอันมาก"การเสด็จดับขันธปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ที่ร่มไม้สาละ กรุงกุสินารา แคว้นมัลละ ในวันเพ็ญเดือน ๖ นั้น เป็นวันที่ชาวโลกต้องสูญเสียบุคคลที่สำคัญที่สุดของโลก เพราะเหตุนั้น วันเสด็จดับขันธปริพพานของพระพุทธเจ้านั้นจึงนับว่าเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเมื่อกล่าวโดยสรุปแล้ว วันประสูติ และ วันตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เป็นวันนำมาซึ่งประโยชน์ ซึ่งความสุข ความเจริญ ความชื่นชม โสมนัสปรีดา และปราโมทย์แก่ชาวโลกทั้งปวง เพราะเป็นวันที่ชาวโลกได้บุคคลที่สำคัญที่สุดของโลก ส่วนวันดับขันธปรินิพพานของพระพุทธเจ้านั้น เป็นวันที่นำมาซึ่งความทุกข์ระทม โศกเศร้า อาลัยอาวรณ์เดือดร้อนใจของชาวโลกเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นวันที่ชาวโลกต้องสูญเสียเอกอัครมหาบุรุษผู้สำคัญที่สุดของโลก วันทั้ง ๓ นี้ ตกอยู่ในวาระเดียวกัน คือ ในวันเพ็ญ เดือน ๖ (ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน วิสาขะ) วันนี้จึงนับว่าเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งในทางพระพุทธศาสนาในอภิลักขิตสมัยวันวิสาขบูชานี้ เราทั้งหลายผู้เป็นชาวพุทธ พึงกระทำประทักษิณเวียนรอบอุโบสถ หรือปูชนิยสถาน ๓ รอบ บูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยการบูชา ๒ ประการ คือ๑. อามิสบูชา การบูชาด้วยสิ่งของมีดอกไม้ ธูปเทียน เป็นต้น๒. ปฏิบัติบูชา การบูชาด้วยการประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า มีความพร้อมเพรียงกัน ตั้งตนไว้ชอบและไม่ประมาทขาดสติสัมปชัญญะให้เป็นไปด้วยดีในวันวิสาขบูชา อันเป็นวันสำคัญในทางพระพุทธศาสนาซึ่งเวียนมาบรรจบครบรอบปี ก็จักไม่ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์ และได้ชื่อว่ากระทำการสักการะบูชาพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยการบูชาอย่างยิ่ง คือ บูชาด้วยการประพฤติปฏิบัติตามธรรมสมควรแก่ธรรม และจะได้ชื่อว่าเป็นการปฏิบัติตามพระพุทธประสงค์อย่างแท้จริงคำถวายดอกไม้ธูปเทียนในวันวิสาขบูชา ยะมัมหะ โข มะยัง ภะคะวันตัง สะระณัง คะตา, โย โน ภะคะวา สัตถา, ยัสสะ จะ มะยัง, ภะคะวะโต ธัมมัง โรเจมะ, อะโหสิ โข โส ภะคะวา, มัชฌิเมสุ ชะนะปะเทสุ อะริยะเกสุ มะนุสเสสุ อุปปันโน, ขัตติโย ชาติยา, โคตะโม โคตเตนะ, สักยะปุตโต สักยะกุลา ปัพพะชิโต, สะเทวะเก โลเก สะมาระเก สะพัรหมะเก สัสสะมะณะพราหมะณิยา ปะชายะ, สะเทวะมะนุสสายะ อะนุตตะรัง สัมมาสัมโพธิง อะภิสัมพุทโธ, นิสสังสะยัง โข โส ภะคะวา, อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ, วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะ- สาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวา, สะวากขาโต โข ปะนะ เตนะ ภะคะวะตา ธัมโม, สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก, ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ, สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ, อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา, เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลิกะระณีโย, อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ, อะยัง โข ปะนะ ปะฏิมา ตัง ภะคะวันตัง อุททิสสะกะตา, ยาวะเทวะ ทัสสะเนนะ ตัง ภะคะวันตัง อะนุสสะริตะวา ปะสาเทนะ สังเวคะปะฏิลาภายะ, มะยัง โข เอตะระหิ อิมัง วิสาขะปุณณะมีกาลัง ตัสสะ ภะคะวะโต ชาติสัมโพธินิพพานะกาละสัมมะตัง ปัตะวา, อิมัง ฐานัง สัมปัตตา, อิเม ทัณฑะทีปะธูปาทิ สักกาเร คะเหตะวา อัตตะโน กายัง สักการุปะธานัง กะริตะวา, ตัสสะ ภะคะวะโต ยะถาภุจเจ คุเณ อะนุสสะรันตา, อิมัง ปะฏิมัง ติกขักตุง ปะทักขิณัง กะริสสามะ, อิมัง ยะถา คะหิเตหิ สักกาเรหิ ปูชัง กุรุมานา, สาธุ โน ภันเต, ภะคะวา สุจิระปะรินิพพุโตปิ ญาตัพเพหิ คุเณหิ อะตีตารัมมะณะตายะ ปัญญายะมาโน อิเม อัมเหหิ คะหิเต สักกาเร ปะฏิคคัณหาตุ, อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ.












วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2551

การ์ดปีใหม่











การ์ดอวยพรปีใหม่

อยากเคาท์ดาวน์ อยู่ใกล้ใกล้ หัวใจเธอ

วินาที ที่ได้เจอ กับสิ่งใหม่

นับไปพร้อม กับการเต้น ของหัวใจ

พร้อมจะรับ วันปีใหม่ ใจสองดวง